วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ประวัติส่วนตัว



ชื่อ นายเหมวัต เกษพิบูล ชื่อเล่น โจม

เกิดวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2537

สัญชาติ : ไทย เชื้อชาติ : ไทย

ศาสนา : พุทธ สถานภาพ : โสด

เลขบัตรประจำตัวประชาชา : 1-3109-00154-31-0

ภูมิลำเนา : 143 หมู่ที่10 ต.บ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ : 31120

เบอร์โทรศัพท์ : 082-1573980

e-mail : hemmawat1994@gmail.com

ความสามารถพิเศษ : เล่นกีฬาเซปักตะกร้อ

คติประจำใจ : ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

งานอดิเรก : ปลูกต้นไม้ ฟังเพลง 

มารยาทในการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อ





มารยาทในการเล่นที่ดีการเล่นกีฬาทุกชนิด ผู้เล่นจะต้องมีมารยาทในการเล่นและการแข่งขัน ประพฤติปฎิบัติตนให้เป็นไปตามขั้นตอนของการเล่นกีฬาแต่ละประเภท จึงจะนับว่าเป็นผู้เล่นที่ดีและมีมารยาท ผู้เล่นควรต้องมีมารยาทดังนี้ คือ
1. การแสดงความยินดี ชมเชยด้วยการปรบมือหรือจับมือเมื่อเพื่อนเล่นได้ดี แสดงความเสียใจเมื่อตนเอง หรือเพื่อนร่วมทีมเล่นผิดพลาดและพยามปลอบใจเพื่อน ตลอดจนปรับปรุงการเล่นของตัวเองให้ดีขึ้น
2. การเล่นอย่างสุภาพและเล่นอย่างนักกีฬา การแสดงกิริยาท่าทางการเล่นต้องให้เหมาะสมกับการเป็นนักกีฬาที่ดี
3. ผู้เล่นที่ดีต้องไม่หยิบอุปกรณ์ของผู้อื่นมาเล่นโดยพลการ
4. ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ต้องไม่แสดงอาการดีใจหรือเสียใจจนเกินไป
5. ผู้เล่นต้องเชื่อฟังคำตัดสินของกรรมการ หากไม่พอใจคำตัดสินก็ยื่นประท้วงตามกติกา
6. ผู้เล่นต้องควบคุมอารมณ์ให้สุขุมอยู่ตลอดเวลา
7. ก่อนการแข่งขันหรือหลังการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะก็ตาม ควรจะต้องจับมือแสดงความยินดี
8. หากมีการเล่นผิดพลาด จะต้องกล่าวคำขอโทษทันทีและต้องกล่าวให้อภัยเมื่อฝ่ายตรงข้ามกล่าวขอโทษด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส
9. ต้องแต่งกายรัดกุม สุภาพ ถูกต้องตามกติกาที่กำหนดไว้
10. ไม่ส่งเสียงเอะอะในขณะเล่นหรือแข่งขันจนทำให้ผู้เล่นอื่นเกิดความรำคาญ
11. ต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับตามกติกาอย่างเคร่งครัด
12. มีความอดทนต่อการฝึกซ้อมและการเล่น
13. หลังจากฝึกซ้อมแล้วต้องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
14. เล่นและแข่งขันด้วยชั้นเชิงของนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ในการเล่นกีฬา


ข้อมูลจาก : www.google.com

เทคนิคการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อ




         ตะกร้อเป็นกีฬาไทยที่เล่น กันแพร่หลายมานานนับศตวรรษ ไม่ว่าจะเป็นตามชนบท ในวัด ในวัง ในเมือง จะพบเห็นการเล่นตะกร้อเสมอ เพราะตะกร้อไม่ต้องใช้บริเวณพื้นที่กว้างขวางเหมือนกีฬาประเภทอื่น ๆ อุปกรณ์ก็หาได้ง่าย ทั้งผู้เล่นก็ไม่จำกัดรูปร่าง เพศหรือวัย ตลอดจนไม่จะกัดผู้เล่นตายตัว อาจยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสมการเล่นตะกร้อจึงได้รับความนิยมตลอดมาซึ่งผู้ เล่นจะได้รับประโยชน์จากการเล่นทั้งทางตรงและทางอ้อมนับอเนก


ประการดังนี้
                1 ) ตะกร้อเป็นกีฬาที่ประหยัด  ลงทุนน้อยแต่เล่นได้หลายคน คุ้มค่าเงิน สามารถร่วมทุนกันคนละเล็กละน้อยหรือผลัดกันซื้อก็ได้     ทั้งลูกตะกร้อก็มีความทนทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารู้จักใช้และรู้จักเก็บรักษาให้ดี
                2 ) การเล่นตะกร้อเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำ ให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสและที่สำคัญผู้ที่เล่นตะกร้อยังได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่ง ที่ส่งเสริมกีฬาศิลปะและวัฒนธรรมไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของชาติอีกด้วย
                3 ) การเล่นตะกร้อยังเป็นพื้นฐานของการเล่นกีฬาปะเภทอื่นได้เป็นอย่างดี เพราะ ทำให้ผู้เล่นรู้จักวิธีการครอบครองลูก รู้จังหวะเข้าออก จังหวะการเตะ โดยให้มีความสัมพันธ์ระหว่างมือ เท้า อวัยวะต่างๆ ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกัน สร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ก่อให้เกิดความแข็งแรงและความอดทนอีกด้วย
                 4 ) การเล่นตะกร้อสามารถเล่นคนเดียวก็ได้  หรือ ถ้ามีผู้เล่นมากขึ้นก็สามารถปรับการเล่นได้ตามความเหมาะสม อันตรายจากการเล่นตะกร้อนั้นมีน้อยมาก เพราะจะไม่มีการปะทะหรือถูกต้องตัวกันระหว่างผู้เล่นด้วยกันเอง หรือแม้แต่อุปกรณ์การเล่น ก็มิได้ทำให้เกิดอันตราย ถ้าผู้เล่นรู้จักสังเกตว่ามีอุปกรณ์ใดชำรุดก็ปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมให้ พร้อมก่อนที่จะเล่น การเคลื่อน ที่ด้วยความระมัดระวังก็จะทำให้เกิดการหกล้มเสียหลักได้ยาก และการเล่นตะกร้อนั้นสามารถใช้อวัยวะได้หลายส่วน ทำให้ไม่เกิดการบอบช้ำเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอีกด้วย
                  5 ) การเล่นตะกร้อ เป็นการฝึกให้เกิดความคล่องแคล่วว่องไว ปราดเปรียว เพราะ ต้องมีความระมัดระวังตัวและเตรียมตัวพร้อมที่จะเข้าเล่นลูกในลักษณะต่างๆ อยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนไหวก็ต้องกระทำด้วยความรวดเร็วกระฉับกระเฉง เพื่อให้ทันกับจังหวะที่จะเล่นลูก
                 6 ) การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกให้เป็นผู้ที่มีอารมณ์เยือกเย็น สุขุม รอบคอบ  เพราะ การเล่นหรือการเตะลูกแต่ละครั้งจะต้องอาศัยสมาธิ และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ถ้าหากใจร้อนหรือลุกลี้ลุกลน การเตะแต่ละครั้งก็จะเสียไป ทำให้เล่นผิดพลาดได้บ่อยๆ ถ้าเป็นการแข่งขันก็จะพ่ายแพ้แก่คู่แข่งขันได้ง่าย
                7 ) การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกการตัดสินใจ เพราะ ก่อนการเล่นลูกทุกครั้งจะต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทาง ความเร็ว ความแรงและลักษณะการหมุนของลูก ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจว่าต้องเล่นลูกด้วยท่าใด ส่งลูกไปยังทิศทางใด การกะระยะส่งลูก เป็นต้น
               8 ) การเล่นตะกร้อจะช่วยประสานหน้าที่ของอวัยวะในร่างกายให้มีระบบการทำงานดีขึ้น และเป็นการฝึกประสาทได้เป็นอย่างดี เพราะการเล่นลูกแต่ละครั้งต้องอาศัยระหว่างความสัมพันธ์ ระหว่างประสาทกับกล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ เพื่อทำให้การเตะและการเล่นลูกเป็นไปอย่างราบรื่น นิ่มนวลและได้จังหวะ ทั้งจะต้องมีปฏิภาณไหวพริบ มีการแก้ไขปัญหาตลอดเวลาที่เล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นเพื่อแข่งขัน จะต้องมีการวางแผนการเล่นโดยอาศัยปัจจัยหลายประการ เนื่องจากการแข่งขันจะชี้ได้ว่าใครมีเชาว์ปัญญา ปฏิภาณไหวพริบดีกว่าหรือมากกว่ากัน                                                                
                9 ) การเล่นตะกร้อก่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งผู้เล่นและผู้ชม การ ร่วมวงเล่นตะกร้อมักจะมีการส่งเสียงแสดงความดีใจพอใจตลอดเวลาในการเล่น หรือการเตะท่าพลิกแพลงต่างๆ ของผู้เข้าร่วมวงอยู่เสมอ จึงก่อให้เกิดความสามัคคีระหว่างผู้เล่นด้วยกัน รู้จักหน้าที่รับผิดชอบและให้โอกาสแก่ผู้อื่น เกิดมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมีความเข้าอกเข้าใจ รู้นิสัยใจคอกันดีขึ้น ยอมรับผิดและให้อภัยกันเสมอ นับเป็นการช่วยส่งเสริมให้เข้าสังคมได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
                10 ) การเล่นตะกร้อนั้นเล่นได้ไม่จำกัดเวลา คือจะเล่นเวลาใดก็ได้ตามความประสงค์ของผู้เล่น ทั้งระยะเวลาในการเล่นก็ไม่กำหนดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความพอใจของผู้เล่น
                11 ) กีฬาตะกร้อเล่นได้ไม่จำกัดสถานที่  อาจจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้ง ทั้งสภาพของสนามก็ไม่เป็นอุปสรรคมากมายนัก ขนาดของสนามก็ยืดหยุ่นได้ไม่ตายตัวเหมือนกีฬาอื่น ๆ
                12 ) ตะกร้อเป็นกีฬาที่เหมาะสมกับบุคคลทุกเพศทุกวัย เพราะ เป็นกีฬาที่ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป สามารถปรับการเล่นตามความสามารถและกำลังของผู้เล่นได้ ทั้งในด้านทักษะก็มีหลายระดับชั้น ซึ่งดูเหมือนจะท้าทายและจูงใจผู้เล่นไม่รู้จบสิ้น ผู้เล่นสามารถพัฒนาทักษะไปตามวัย นอกจากนั้นอาจเล่นเพื่อความสวยงาม เพื่อการออกกำลังกาย เพื่อการแสดง หรือเพื่อการแข่งขันก็ได้

 ข้อมูลจาก : http://sarunyoolamphun.blogspot.com/






นักกีฬาที่ชื่นชอบ

















ประวัติ ลิโอเนล เมสซี่

            ชื่อเต็ม : ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ (Lionel Andrés Messi)
            วันเกิด : 24 มิถุนายน ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530)
            สถานที่เกิด : เมืองโร ซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา
            ส่วนสูง : 169 เซนติเมตร
            น้ำหนัก : 67 กิโลกรัม
            ฉายา : เมสซิโดน่า, ลีโอ
            ตำแหน่ง : กองหน้าตัวต่ำ/กองกลางตัวรุก
            สโมสรปัจจุบัน : บาร์เซโลน่า
            หมายเลข : 10

            เมสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) ในแคว้นซานตาเฟ่ ที่เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา เมสซี่ เริ่มเล่นกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยได้เข้าอยู่ในสโมสรเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า กรานโดลี่ โดยมีพ่อเป็นโค้ชให้ จนเมื่อปี 1995 (พ.ศ. 2538) เมสซี่ จึงได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรที่ใหญ่กว่าและเป็นสโมสรในระดับลีกสูงสุดของอาร์เจนตินา ชื่อสโมสร นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเรียนวิชาฟุตบอลที่เข้มข้นมาเรื่อย ๆ


    ทว่าการเอาดีด้านฟุตบอลของ เมสซี่ ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่ออายุได้ 11 ปี เขาประสบภาวะขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต ทำให้รูปร่างของเขาเล็กกว่าที่ควรจะเป็น จนเกือบอดไปต่อในสนามค้าแข้ง แต่แล้วฝีเท้าไปเข้าตา การ์เลส เรซัค ผู้อำนวยการด้านกีฬาของบาร์เซโลน่า จากสเปน จึงได้ขอซื้อตัว เมสซี่ พร้อมยินดีจ่ายเงินค่ารักษา จากนั้นเมสซี่พร้อมครอบครัวจึงได้ย้ายไปอยู่สเปน เพื่อฝึกฝนฝีเท้าอย่างจริงจังในฐานะสมาชิกทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่า

   
จากนั้นภายในเวลาอันรวดเร็ว เมสซี่ ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นดาวเด่นในทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่าและได้เข้าสู่ทีมบาร์เซโลน่า บี ในเวลาต่อมา พร้อมทั้งทำผลงานได้ดีเรื่อยมา จนปลายฤดูกาล 2004 เมสซี่ ก็ได้โอกาสเข้ามาอยู่กับทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลน่า จนถือเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในทีมบาร์เซโลน่า ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี เท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับทีมชาติของสเปน เพื่อกลับไปรับใช้ชาติ เป็นสมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชนของอาร์เจนตินา ซึ่ง เมสซี่ ได้สร้างประวัติศาสตร์ลูกหนังที่วงการฟุตบอลเยาวชนต้องจารึก เมื่อเขาฟาด 6 ประตูรวด พาทัพฟ้าขาวครองแชมป์ศึกลูกหนังรุ่นเยาวชนได้อย่างสง่างาม พร้อมคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์มาครอง จากนั้นจึงเลื่อนขั้นรับใช้ทั้งบาร์เซโลน่าและทีมชาติอาร์เจนตินาในฐานะนักเตะชุดใหญ่ในที่สุด
  
ไม่เพียงสร้างตำนานให้วงการฟุตบอลเยาวชนเท่านั้น ลิโอเนล เมสซี่ ยังสร้างประวัติศาสตร์น่าจดจที่ทำให้วงการลูกหนังตะลึง ในการแข่งขันศึกชิงถ้วยประจำปีของสโมสรฟุตบอลสเปน โกปาเดลเรย์ ปี 2007 (พ.ศ. 2550) เมื่อเขายิงประตูในระยะเดียวกับที่ มาราโดนา เคยทำ หลบจำนวนทีมคู่แข่งเท่ากัน (6 คน) และทำประตูในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันมาก ทั้งยังวิ่งไปที่ธงมุมสนามเหมือนอย่างที่ เสือเตี้ย ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานแข้งแห่งทัพฟ้าขาว เคยทำไว้ในปี 1986 (พ.ศ. 2529) ในนัดแข่งขันกับทีมชาติอังกฤษ ที่เม็กซิโก จนแต้มที่เข้าไปตุงตาข่ายลูกนั้นถูกเรียกว่า "ประตูแห่งประวัติศาสตร์" ด้วยสไตล์การเล่นและความสามารถที่เรียกได้ว่าแทบเทียบชั้น "หัตถ์พระเจ้า" ทำให้สื่อทั่วโลกพากันชื่นชม เมสซี่ ในฐานะ "มาราโดน่าคนใหม่" อีกทั้งสื่อสเปนยังตั้งฉายาให้กับเขาว่า "เมสซี่โดน่า" ด้วย





 ประวัติการค้าแข้งของ เมสซี่

 ค.ศ. 1995-2000 (พ.ศ. 2538-2543) : นักเตะฝึกหัดของสโมสร นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์
 ค.ศ. 2000-2004  (พ.ศ. 2543-2547) : นักเตะฝึกหัดของสโมสร บาร์เซโลน่า
 ค.ศ. 2004 - ปัจจุบัน (พ.ศ. 2547 - ปัจจุบัน) : สโมสรบาร์เซโลน่า  
 ค.ศ. 2005 - ปัจจุบัน (พ.ศ. 2548 - ปัจจุบัน) : ทีมชาติอาร์เจนตินา






ครอบครัวเมสซี่ รากฐานที่แสนอบอุ่น

            เมสซี่ เป็นบุตรชายคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 4 คน (พี่ชาย 2 พี่สาว 1) ของนายคอร์เค โอราเซียว เมสซี คนงานโรงงาน และนางเซเลีย มารีอา กุกซิตตีนี พนักงานทำความสะอาดนอกเวลา โดยครอบครัวฝ่ายบิดาได้อพยพมาจากอิตาลี แม้เกิดในอาร์เจนตินา แต่เมสซี่และครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศสเปนหลังจากที่เขาตอบรับสัญญาของสโมสรบาร์เซโลน่า ทำให้จนถึงตอนนี้ เมสซี่ อาศัยในประเทศสเปนมายาวนานเทียบเท่ากับช่วงชีวิตที่ใช้ในบ้านเกิดแล้ว

            ปัจจุบัน เมสซี่ พูดภาษาสเปนในสำเนียงชาวโรซาริโอ และยังคงไปเยี่ยมบ้านเกิดอยู่บ่อย ๆ เมสซี่ยังคงติดต่อเพื่อน ๆ ที่โรซาริโอด้วยการส่งข้อความและพูดคุยทางโทรศัพท์เป็นครั้งคราว นอกจากนี้เขายังเก็บบ้านเก่าที่โรซาริโอเอาไว้ แม้จะไม่มีคนอาศัยอยู่ก็ตาม  

            ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเมสซี่ นับได้ว่าอบอุ่นเป็นอย่างดี ในช่วงที่เขากลับบ้านเกิดมาฝึกซ้อมในฐานะสมาชิกทีมชาติอาร์เจนตินา เมสซี่ยอมเดินทางไป-กลับเที่ยวละ 3 ชั่วโมง จากสนามฝึกซ้อมในกรุงบัวโนสไอเรสเพื่อกลับมากินข้าวกับครอบครัวในโรซาริโอ อยู่ค้างคืนที่บ้านแล้วจึงออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปฝึกซ้อมอีกครั้ง

            ทั้งนี้ เมสซี่ มีลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คน ที่อยู่ในวงการลูกหนังเช่นเดียวกัน คือ มักซี เบียนกุชชี ผู้เล่นตำแหน่งปีกจากสโมสรโอลิมเปีย ของปารากวัย และเอมานูแอล เบียนกุชชี ผู้เล่นตำแหน่งมิดฟีลด์ของสโมสรอินดิเพนเดนท์ ฟุตบอลคลับ ของปารากวัยเช่นกัน

เมสซี่ แฟนสาวคนสวย พร้อมลูกชาย เมสซี่จูเนียร์

            เมสซี่ เคยคบหาดูใจกับ มาซาเรน่า เลมอส สาวสวยจากโรซาริโอ บ้านเกิดเดียวกัน โดยเจ้าตัวเผยว่าได้รับการแนะนำให้รู้จักกันผ่านทางพ่อของฝ่ายหญิง ในช่วงที่เขาบาดเจ็บและกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านเกิด เพียงไม่กี่วันก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 หลังจากนั้นในปี 2009 ก็มีข่าวกิ๊กกั๊กกับนางแบบชาวอาร์เจนตินา ลูเซียนา ซาลาซาร์

            ต่อมา เมสซี่ ได้พบกับแฟนสาวคนปัจจุบัน คือ อันโตเนลลา รอซซาริโอ ในงานคาร์นิวาลที่เมืองซิทเจส ของบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน โดยฝ่ายหญิงมีพื้นเพมาจากบ้านเกิดของเมสซี่เช่นเดียวกัน จนในวันที่ 2 มิถุนายน 2012 หลังอาร์เจนตินาเตะชนะเอกวาดอร์ 1-0 ในนัดคัดเลือกเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เมสซี่ ได้นำลูกบอลไปซุกไว้ในเสื้อและประกาศข่าวดีว่า รอซซาริโอ แฟนสาวของเขาตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว และในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2012 เมสซี่ก็กลายเป็นคุณพ่อมือใหม่เต็มตัวของลูกชายตัวน้อย ติอาโก เมสซี่ โดยล่าสุด รอซซาริโอ ยังได้อุ้มลูกชายตัวน้อยไปให้กำลังใจสามีถึงขอบสนาม ในนัด เนเธอร์แลนด์-อาร์เจนตินา ของศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ผ่านพ้นมานี้ด้วย






















   ถึงแม้ว่าวันนี้ชัยชนะยังไม่อยู่ในมือของฟ้าขาว อาร์เจนตินา แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ บวกกับพรสวรรค์ของ ลิโอเนล เมสซี และคงต้องหมายรวมถึงทีมเวิร์กที่ดี เชื่อแน่ว่าจะช่วยให้เมสซีสมหวังได้ในฟุตบอลโลกครั้งต่อ ๆ ไปอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก : http://football.kapook.com/news-19969

ประวัติกีฬาเซปักตะกร้อ




ประวัติกีฬาตะกร้อต่างประเทศ กีฬาเซปักตะกร้อ

การแข่งขันตะกร้อตะกร้อ เป็นการละเล่นของไทยมาแต่โบราณ แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด แต่คาดว่าราว ๆ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นที่ใกล้เคียงก็มีการเล่นตะกร้อ คนเล่นไม่จำกัดจำนวน เล่นเป็นหมู่หรือเดี่ยวก็ได้ ตามลานที่กว้างพอสมควร ตะกร้อที่ใช้เดิมใช่หวายถักเป็นลูกตะกร้อ ปัจจุบัน นิยมใช้ลูกตะกร้อพลาสติก
การเตะตะกร้อเป็นการเล่นที่ผู้เล่นได้ออก กำลังกายทุกสัดส่วน ฝึกความว่องไว ความสังเกต มีไหวพริบ ทำให้มีบุคลิกภาพดี มีความสง่างาม และการเล่นตะกร้อนับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่ง
ในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใด จากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้
ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่าเรียกว่า “ชิงลง” 
          ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (Sepak Raga) คำว่า Raga หมายถึง ตะกร้า
         ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipak
         ทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้นำการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไปเผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (Tek K’au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่
         ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปัก
         ประกาศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้านทักษะและความคิด

 

ประวัติกีฬาตะกร้อในประเทศไทย


   ในสมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการนำเอานักโทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนประวัติของตะกร้อได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้
โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย อีกทั้งประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทยเรา การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำจากสมัยแรกเป็นผ้า , หนังสัตว์ , หวาย , จนถึงประเภทสังเคราะห์ ( พลาสติก )
ความหมาย คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ . ศ . 2525 ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า ” ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ “

 

วิวัฒนาการการเล่นกีฬาตะกร้อ

    การเล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรกๆ ก็เป็นเพียงการช่วยกันเตะลูกไม่ให้ตกถึงพื้นต่อมาเมื่อเกิดความชำนาญและหลีกหนีความจำเจ ก็คงมีการเริ่มเล่นด้วยศีรษะ เข่า ศอก ไหล่ มีการจัดเพิ่มท่าให้ยากและสวยงามขึ้นตามลำดับ จากนั้นก็ตกลงวางกติกาการเล่นโดยเอื้ออำนวยต่อผู้เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกต่างไปตามสภาพภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ แต่คงมีความใกล้เคียงกันมากพอสมควร

 

ตะกร้อนั้นมีมากมายหลายประเภท เช่น

- ตะกร้อข้ามตาข่าย – ตะกร้อลอดบ่วง – ตะกร้อพลิกแพลงเป็นต้น
เมื่อมีการวางกติกาและท่าทางในการเล่นอย่างลงตัวแล้วก็เริ่มมีการแข่งขันกันเกิดขึ้นในประเทศไทยตาม
ประวัติของการกีฬาตะกร้อตั้งแต่อดีตที่ได้บันทึกไว้ดังนี้
พ.ศ. 2472 กีฬาตะกร้อเริ่มมีการแข่งขันครั้งแรกภายในสมาคมกีฬาสยาม
พ.ศ. 2476 สมาคมกีฬาสยามประชุมจัดร่างกติกาในการแข่งขันกีฬาตะกร้อข้ามตาข่ายและเปิดให้มีการแข่งขันในประเภทประชาชนขึ้นเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2479 ทางการศึกษาได้มีการเผยแพร่จัดฝึกทักษะในโรงเรียนมัธยมชายและเปิดให้มีแข่งขันด้วย
พ.ศ. 2480 ได้มีการประชุมจัดทำแก้ไขร่างกฎระเบียบให้สมบูรณ์ขึ้น โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของ เจ้าพระยาจินดารักษ์ และกรมพลศึกษาก็ได้ออกประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2502 มีการจัดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 ขึ้นที่กรุงเทพฯ มีการเชิญนักตะกร้อชาวพม่ามาแสดงความสามารถในการเล่นตะกร้อพลิกแพลง
พ.ศ. 2504 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 2 ประเทศพม่าได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน นักตะกร้อของไทยก็ได้ไปร่วมแสดงโชว์การเตะตะกร้อแบบพลิกแพลงด้วย
พ.ศ. 2508 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ได้มีการบรรจุการเตะตะกร้อ 3 ประเภท เข้าไว้ในการแข่งขันด้วยก็คือ
- ตะกร้อวง – ตะกร้อข้ามตาข่าย – ตะกร้อลอดบ่วง
อีกทั้งมีการจัดประชุมวางแนวทางด้านกติกาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อสะดวกในการเล่นและการเข้าใจของผู้ชมในส่วนรวมอีกด้วย
พอเสร็จสิ้นกีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 กีฬาตะกร้อได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก บทบาทของประเทศมาเลเซียก็เริ่มมีมากขึ้น จากการได้เข้าร่วมในการประชุมตั้งกฎกติกากีฬาตะกร้อประเภทข้ามตาข่าย หรือที่เรียกว่า ” เซปักตะกร้อ ” และส่งผลให้กีฬาตะกร้อข้ามตาข่าย ได้รับการบรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 จนถึงปัจจุบัน

  

ข้อมูลจาก : www.google.com